ประวัติตี่จู้เอี๊ยะ และ แปลความหมายความเป็นมงคล , ภาษาจีนในศาลตี่จู้เอี๊ยะ
By SanjeenThailand Online
ถู่ที้กง, โถ่วตีกง 土地公 "เจ้าแห่งผืนดินหรือ ในภาษาจีนกลางเรียกว่า ถู่ตี้เฉิน บางครั้งเรียกสั้น ๆ ว่า ถู่ตี้ (อักษรจีน: 土地 "ผืนดิน") หรือที่ชาวไทยเชื้อสายจีนเรียกกันว่า ตี่จู๋เอี๊ยะ (อักษรจีน: 地主爷 "เทพเจ้าแห่งผืนดิน") เป็นเทพเจ้าที่ของชุมชน ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ ตามความเชื่อของศาสนาพื้นบ้านจีนรวมทั้งชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทยปัจจุบัน
ระยะแรกๆ คนจีนโพ้นทะเลที่ทำมาหากินในเมืองไทย เริ่มต้นด้วยการใช้กระดาษสีแดง หมึกสีดำ เขียนอักษรจีนคำ ว่า "ตี่จู้ซิงอุ่ย" แปลว่า ที่สิงสถิตของเทพเจ้า มุมซ้ายบน เขียนคำว่า ฮวง มาจาก ฮวงนั้ง หมายถึงคนไทย มุมขวาบน เขียนคำว่า ตึ้ง มาจากตึ้งนั้ง หมายถึงคนจีน ด้านซ้ายต้องใหญ่กว่าด้านขวา
ต่อมาใช้คำว่า ไท แทน ฮวง ตามเสียงไทย และคำว่า ตง แทน ตึ้ง มาจากคำว่า ตงกก ประเทศจีน ด้านล่างของตัวหนังสือทั้งสองตัว เป็นกลอนคู่เขียนคำมงคล กระดาษที่เขียนอักษรแล้วปิดไว้นั้น ถึงวันตรุษจีน ก็ต้องเปลี่ยนใหม่ หลังยุคใช้กระดาษแดงติดตี่จู่เอี๊ย พัฒนามาเป็นกระจกพิมพ์สี แล้วก็กลายเป็นศาลเจ้าสีแดงหลังเล็กหรือใหญ่ตามกำลังของ
เจ้าของในปัจจุบัน
ความหมายของภาษาในศาลเจ้าตี่จู้เอี๊ยะ (地主爷)
地 "ตี่" แปลว่าดิน
主 "จู้" แปลว่าเจ้า
ตี่จู้ หมายถึง ( ธาตุดิน ) แปลว่าดิน
"เอี้ยะ หรือ เอี๊ยะ "(爷) แปลว่า เทพเจ้า หรือ คนที่มีอำนาจบารมี
ป้ายด้านบนหลังคาหน้าศาลมี๒แบบป้ายดังนี้
"กิม เง็ก ป๋อ ตึ้ง"หรือ"กิม เง็ก มั้ว ตึ๊ง"(金玉满堂)
แปลว่า เงินทองไหลมาเต็มฟ้า
นัยหมายถึงสถานที่ที่เป็นมงคลเพื่อให้เจ้าของบ้าน
ร่ำรวยเงินทองและรุ่งเรืองด้านการงาน
"จูป๋อตึ๊ง"
จู แปลว่า รวบรวม
ป๋อ แปลว่า เงินทอง
ตึ๊ง แปลว่า สถานที่หรือศาลหรือบ้าน
จูป๋อตึ๊ง จึงหมายถึง สถานที่ที่มีเงินทองมากมายหรือรวบรวมมากมาย นัยหมายถึงสถานที่ที่เป็นมงคลเพื่อให้เจ้าของบ้าน
ร่ำรวยเงินทองและรุ่งเรืองด้านการงานเช่นกัน
ตัวอักษรเดี่ยว ๒ ตัวระหว่าง ๓ แถวอักษร อ่านว่า "ตง ไท"
ไทแทนฮวง ตามเสียงไทย และคำว่า ตงแทนตึ้ง มาจากคำว่า ตงกก ประเทศจีน หมายถึงคนจีนที่มาปักหลักในประเทศไทย
อักษรภาษาจีนแถวกลางตัวใหญ่เด่นอ่านจากบนลงล่าง
อ่านว่า "ตี่ จู้ ซิ้ง อุ่ย"
ซิ้ง แปลว่า เทพเจ้า
อุ่ย แปลว่า ที่สถิตย์ของเจ้า
ความหมายโดยรวม หมายถึง "ที่สถิตย์ของเทพเจ้าหรือที่สถิตย์ของเจ้าที่"
ส่วนอักษรที่เรียงทั้งสองข้างเขียนคำอวยพร
ด้านในซ้ายอ่านจากบนลงล่าง "ซี่ ฮึง กิม งิ้ง จิง"
และด้านขวาอ่านจากบนลงล่าง "โหงว โหล่ว ไช้ ป๋อ ไล้"
ความหมายของ "ซี้ ฮึง กิม งิ้ง จิง"
ซี้ฮึง แปลว่า สี่ทิศ
ซี้ แปลว่า สี่
ฮึง แปลว่า ทิศ
กิม แปลว่า ทอง
งิ้ง แปลว่า เงิน
จิง แปลว่า มา
"ซี่ฮึงกิมงิ้งจิง" จึงแปลว่า ให้เงินทองไหลมาเทมาทั้งสี่ทิศ
ความหมายของ "โหงว โหล่ว ไช้ ป๋อ ไล้"
"โหงว" แปลว่า ห้า 5
"โหล่ว" แปลว่า ถนน
"ใช้" แปลว่า โชคลาภ
"ป๋อ" แปลว่า เงินทอง
"ไล้" แปลว่า มา
โหงว โหล่ว ไช้ ป๋อ ไล้ หมายถึงมีธาตุทั้งห้าครบถ้วนและมีโชคลาภเงินทองมาหา
คำว่า โหงว โหล่ว แปลตรงตัวจะหมายถึง ถนนทั้งห้าสาย แต่เมื่อตีความแล้วกลับหมายถึงธาตุทั้งห้า คือ กิม (ธาตุทอง) ฮ่วย (ธาตุไฟ) บัก (ธาตุไม้) จุ้ย (ธาตุน้ำ) และโท้ว (ธาตุดิน) อันหมายถึงองค์ประกอบของชีวิตคนเราซึ่งจะต้องมีธาตุทั้งห้า ครบถ้วนในปริมาณที่เหมาะสม จึงจะมีชีวิตที่รุ่งเรือง
โหงวโหล่วใช้ป๋อไล้ แปลทั้งประโยคได้ความหมาย คือ "ครบถ้วนธาตุทั้งห้าและโชคเงินทองให้มาหา"
ส่วน ๒ เสาอักษรมงคลด้านหน้า ซ้ายและขวา
เขียนไว้เป็นความหมายของคำมงคลและคำอวยพร
เสาด้านขวามือ อ่านว่า"กิม งิ้ง ช่วง ตี่ ที"
ได้ความหมายมงคลว่า "เงินทองให้อยู่แต่ในที่"
เสาด้านซ้ายมือ อ่านว่า "ฮก ลก จู เทียน ไล้"
ได้ความหมายมงคลว่า "ลาภรวยไหลมาจากฟ้า"
อีกหนึ่งคำอวยพรในศาลตี่จู้เอี๊ยะ(ตี่จู้ซิ้งอุ่ย)
"ตี่ เฮง ใช้ ไต่ ฮวก"
บ้านนี้อยู่แล้วเฮงมีโชค
" จู่ เส็ง ฮะ แก อั่ง "
ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ
ป้ายมงคลตุ้ยเลี้ยงในศาลปึงท้าวกง
ฝั่งซ้ายของป้ายอ่านว่า
"เจ๊ก กะ จู ฮวย ยิ๊ก จิ้ง ใช้"
ฝั่งขวาของป้ายอ่านว่า
"เฮียง เกี๊ยะ ป๋อ เตี้ยะ จี๊ เทียม ฮก"
ได้ความหมายมงคลว่า
"ธูป เทียน ที่จุดบูชา ขอพรบุญวาสนา ให้ลูกหลาน มีเงินทองเหลือกินเหลือใช้"
หรือ คำอวยพรมงคลอื่นๆดังนี้
" ยิก จิ้ง โช่ย แก ป้อ "
ทุกวัน กราบไว้บูชา ให้มี ทรัพย์สิน เข้าบ้านทุกวัน
" ซี้ เจียว บ่วง หลี ใช้ "
ลูกหลาน มีกิน มีใช้ มีโชคลาภ ตลอดชั่วลูกหลานระยะยาว
***ความหมายของคำอวยพรนี้สามารถใช้กับศาลตี่จู้เอี๊ยะได้เช่นกัน***
ส่วนฐานของตี่จู้เอี๊ยะนั้นบางหลังใช้หลายแบบแบ่งออกได้ดังนี้
ฐานมังกร หมายถึง
มังกรหมายถึง ความน่าเกรงขามขับไล่สิ่งชั่วร้ายไม้ให้กร่ำกรายและยังช่วยในเรื่องควบคุมคนที่อยู่ในบ้านหรือบริษัทฯห้างร้าน
ฐานโหงวก้วย หมายถึง
ผลไม้มงคล ๕ ชนิด หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์มีมากมีเหลือ กินเท่าไหร่ก็ไม่ขาดไม่หมด
ฐานอักษรมงคล๔ตัว ( 招财进宝 เจียว ใช้ จิ๊ง ป้อ )
หมายถึง เงินทอง โชคลาภ ทรัพย์สมบัติ ไหลมาเทมา
ฮก ความสุขสมหวังดังใจปรารถนา
อยู่อี่ คือคทาวิเศษ เป็นของพระราชทานแก่ขุนนางและพระชั้นผู้ใหญ่ เพื่อแสดงถึงอำนาจวาสนากล่าวว่าสามารถขอพรศักดิ์สิทธิ์จากคฑานี้ได้
ดอกโบตั๋นเป็นราชาแห่งดอกไม้ เพราะเมื่อปลูกที่ใดไม้อื่นจะโน้มเข้าหาแสดงถึงอำนาจวาสนา
ดอกบัวหรือพุดตานน้ำเป็นราชาแห่งไม้น้ำ เป็นดอกไม้พิเศษที่สะอาดบริสุทธิ์ มีประโยชน์ทั้งต้น และบานได้โดยอาศัยแสงจันทร์ในขณะที่ดอกไม้อื่นบานโดยแสงอาทิตย์
ส้มมือ มีรูปร่างมีสัณฐานเหมือนมือพระโพธิสัตว์ แสดงถึงความมีโชค
สิงโต เป็นสัตว์ที่มีนัยแสดงถึงอำนาจเป็นที่รู้จักแพร่หลาย
นกยูง
นกยูงเป็นสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์เพราะแววหางของนกยูงเหมือนแสงอาทิตย์และความสง่างามของนกยูง มีความหมายถึงอำนาจวาสนา
ค้างคาว เป็นสัตว์ที่ไม่รู้จักลงดิน แสดงถึงวาสนา
พระอาทิตย์ มีอานุภาพ ให้แสงสว่าง ให้ชีวิต เป็นเครื่องหมายของอำนาจ
ตำนานเล่าขานกันว่า
โหว โท่ว หรือโท่วตี่กง มี
ความเป็นมาจากมนุษย์ คือ ในสมัยราชวงศ์จิว (ก่อน พ.ศ.578- พ.ศ.288) มีชายคนหนึ่งชื่อว่า เตียเม่งเต็กเป็นคนรับใช้คหบดีคนหนึ่งในสมัยนั้น ท่านคหบดีได้เดินทางไปทำธุระที่แดนไกล ได้สั่งเตียเม่งเต็กช่วยนำพาบุตรีที่เยาว์วัยของท่านไปพบท่านขณะที่เตียเม่งเต็กเดินทางนำบุตรีของท่านไปส่งท่านคหบดีนั้น ในระหว่างทางเกิดพายุหิมะตกหนัก เตียเม่งเต็กเห็นบุตรีของท่านคหบดียังเด็ก ร่างกายไม่สามารถต่อต้านกับอากาศอันหนาวเยือก จึงได้ถอดเสื้อผ้าของตนออกมาคลุมสวมใส่ให้บุตรีของท่านคหบดี ตัวเตียเม่งเต็กทนความหนาวไม่ได้ก็หนาวตาย
ขณะที่จะสิ้นใจนั้น ปรากฏว่าเบื้องบนนภามีหนังสือฉายออกมา 8ตัว “น่ำเทียงมึ้งไต่เซียงฮกเต็กซิ้ง” แปลว่า ฮกเต็กซิ้งเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งประตูสวรรค์ด้านทิศใต้ เมื่อท่านคหบดีกลับมาเห็นความชื่อสัตย์และความเสียสละของเตีงเม่งเต็ก จึงได้สร้างศาลเจ้าให้เตียเม่งเต็กเป็นการตอบแทนพระคุณ ต่อมาในรัชสมัยของพระเจ้าจิวบู่อ้วงทรงแต่งตั้งให้เป็นเทพโหวโท่ว และเรียกกันภายหลังว่า โท่วตี่กง
ตี่จู๋เอี๊ย หรือ โท่วตี่กง จัดเป็น เทพเจ้าที่มีตำแหน่งต่ำ แต่ เป็นเทพเจ้าที่อยู่ใกล้ชิดมนุษย์ที่สุด ต่อมามนุษย์ให้ความนับถือเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ โดยมากมักวาดหรือทำเป็นรูปลักษณ์ของชายมีอายุ หนวดเครา เผ้าผมขาวเป็นสีเงินยวง หน้าตาอิ่มเอิบท่าทางใจดี ตี่จู๋เอี๊ยที่มีพื้นที่รับผิดชอบใหญ่หน่อย บางครั้งก็เรียก แป๊ะกง ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเจ้าที่ตามหมู่บ้าน
ทำไมเจ้าที่ถึงต้องติดพื้น
"ความหมายคือ ติดพื้นชั้นที่ 1 เท่านั้น
ไม่ใช่ไปวางบนชั้น 2 หรือยกศาลไปวางบนโต๊ะที่สูงเกินไป"
เมื่อสมัยที่พระเจ้าจูง่วงเจียงฮ่องเต้ (พ.ศ.1911 - 1941) ขึ้งครองราชย์ ทรงถอดยศถอดศักดิ์ของโท่วตี่ซิ้งจำนวนมาก ดังนั้นโท่วตี่ซิ้งจึงเรียกชื่อตามสถานที่นั้นๆ ตามอย่างชื่อตำแหน่งขุนนางปกครองของสถานที่ต่างๆ กล่าวกันว่า มีอยู่ครั้งหนี่ง พระเจ้าเม่งไท้โจ้วทรงเสด็จประพาส ทรงพบขุนนางปกครองท้องถิ่นคนหนึ่ง นัดกันไปเสวยเหล้าที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เผอิญโรงเตี้ยมวันนั้นคนแน่นมากทรงทอดพระเนตรเห็นมีโต๊ะๆ หนึ่งวางที่บูชาของโท่วตี่ซิ้ง พระองค์ทรงหยิบป้ายบูชาของโท่วตี่ซิ้งวางลงพื้น และนำโต๊ะนั้นไปเสวยเหล้า ภายหลังจากที่พระเจ้าเม่งไท้โจ้วทรงเสด็จกลับไปแล้ว เจ้าของโรงเตี๊ยมได้นำป้ายบูชาของโท่วตี่ซิ้งนำมาตั้งไว้บนโต๊ะดังเก่า เทพโท่วตี่ซิ้งได้มาเข้าฝันกล่าวกับขุนนางนักปกครองท้องถิ่นว่า 'เจ้าเหนือหัวทรงมีรับสั่งให้ข้าไม่ให้นั่งบนที่สูง”
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้คนจึงนิยมตั้งโท่วตี่เอี้ยอยู่ติดกับพื้นดิน